*ข้อมูลระหว่างวันที่ 13 กันยายน 2024 – 16 ตุลาคม 2024
Bitcoin ETF ในเดือนช่วงต้นเดือนตุลาคม 2024
จากในตารางจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า Bitcoin ETF ในเดือนตุลาคม ตั้งแต่วันที่ 1 เป็นต้นมา ได้มีแรงเข้าซื้อ Bitcoin มากกว่า แรงเทขาย เนื่องจากนักลงทุนใน Bitcoin ETF นั้นได้มีความมั่นใจในตัวเหรียญเพิ่มมากขึ้น
และจะเห็นได้อย่างชัดเจนในวันที่ 14 ว่ามีแรงเข้าซื้อ Bitcoin ETF เป็นจำนวนมาก แม้แต่ Grayscale หรือ GBTC ก็ได้ทำการเข้าซื้อหลังจากที่มีแต่แรงขายเป็นจำนวนมากในเดือนก่อน ๆ และในวันที่ 15 Blackrock หรือ IBIT ได้มีการเข้าซื้อเป็นจำนวนมาก และนี้อาจเป็นการที่นักลงทุนแสดงความมั่นใจในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin เพิ่มมากขึ้นก็เป็นได้
ค่าเงินบาทอ่อนตัวเล็กน้อย
หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ FED ในเดือนกันยายน ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าไปถึง 32 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ตามตัวเลขแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศล่าสุด ทำให้ตลาดปรับคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยเป็น 25 BPS อีก 2 ครั้งเท่านั้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงในระยะสั้น
มี 2 ปัจจัยคอยจับตามองดังนี้
1.ดอลล่าร์แข็งค่าเล็กน้อย: ตลาดปรับลดคาดการณ์การลดอัตราดอกเบี้ยลง เนื่องจากตัวเลขแรงงานและตัวเลขเงินเฟ้อที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจยังคงร้อนแรงอยู่ และคำพูดของ Jerome Powell ที่ออกมายั้งตลาด ทำให้ DXY ปรับตัวขึ้นในระยะสั้น2.ปัจจัยอื่นๆ: ค่าเงินบาทยังคงมีแรงหนุนจากการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร เนื่องจากสามารถคาดหวังผลตอบแทนจากทั้งค่าเงินและสินทรัพย์ถึงสองต่อ
การคาดการ์ณว่า Core Retail Sales มีแนวโน้มที่จะลดลงเพียงเล็กน้อย (จาก 0.2% เป็น 0.1%) นั้นสามารถส่งผลเสียต่อตลาดคริปโตฯ ได้ นักลงทุนอาจหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าคริปโตฯ และอาจทำให้เศรษฐกิจนั้นเกิดการชะลอตัวได้ แต่ด้วยการที่มีการคาดการ์ณว่าจะลดลงนั้นก็เป็นอีกหนึ่งแรงที่จะช่วยยืนยันการที่ FED หรือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งถัดไปก็เป็นได้
และถ้าดูจากตารางด้านขวามือจะเป็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าตลาดนั้นมีกระแสตอบรับที่เห็นด้วยกันถึง 84% ว่า FED หรือธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้นจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 4.50% - 4.75% โดยการที่ FED นั้นลดอัตราดอกเบี้ยนั้นส่งผลดีต่อตลาดคริปโตฯ และด้วยการที่ช่วงเวลาการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นจะอยู่ในเดือนเดียวกับการเลือกตั้งหรือในเดือน พฤจิกายน ทำให้จะมีปัจจัยบวกต่อตลาดคริปโตฯ อย่างมาก
ในเดือนตุลาคมยังคงเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน ในระยะสั้นยังต้องติดตามดูว่า Fed จะชะลอการลดดอกเบี้ยหรือไม่ ส่วนระยะกลางจะต้องจับตาดู Recession ข่าวดีก็คือ Global Liquidity เริ่มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีนและยุโรป ทำให้มุมมองนักวิเคราะห์ส่วนมากมองว่าเป็นจุดที่คริปโตฯเป็นบวกในระยะกลางขึ้นไปภาพรวมตลาด DeFi ในเดือนตุลาคมเริ่มกลับมาเป็นบวก โดยมี TVL เพิ่มขึ้นกว่า 10% โดยเชน Top 5 ที่เพิ่มขึ้นโดดเด่นคือ Solana ที่ได้รับกระแสจากการซื่อขายเหรียญ Meme ส่วนอีกเชนที่มี TVL พุ่งสูงกว่า 50% คือ Base ที่พลิกแซง Arbitrum ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ซึ่งมี Aerodrome เป็นแพลตฟอร์มที่มี TVL อันดับหนึ่ง คิดเป็น 54% ของ TVL รวมของทั้ง Base Ecosystem ปัจจัยส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นการที่ผู้ใช้งานเข้ามาเก็ง Airdrop ของเหรียญ Base ที่อาจมีการแจกในอนาคต
ส่วนเชนนอก Top 5 ที่กลับมาเป็นกระแสและมี TVL เพิ่มขึ้นสูง (กว่า 58%-65%) คือ Sui และ Aptos แสดงให้เห็นว่าคนเริ่มมองหา The Next Solana ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการเข้าไปเก็งกำไรและเก็บ Yield ได้ ส่วนกลุ่มแพลตฟอร์ม DeFi ที่น่าจับตามองในช่วงนี้ ยังคงเป็นกลุ่ม DeFi OG ที่มีการอัปเดทที่น่าสนใจ เช่น Maker ที่เพิ่ง Rebrand เป็น Sky และ UniSwap ที่ประกาศเปิดตัว UniChain ที่เป็น Layer 2 ของตัวเอง (รายละเอียดเพิ่มเติมในหน้าถัดไป)
ในวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา UniSwap ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Decentralized Exchange รุ่นบุกเบิกที่มี TVL สูงสุดมาโดยตลอด ประกาศเปิดตัว Layer 2 เพื่อการใช้งานของตัวเองโดยเน้นไปที่ DeFi โดยเฉพาะ ซึ่ง Unichain เป็นส่วนหนึ่งของ Superchain ของ Optimism นอกจากนี้ยังมีการจับมือกับโปรเจกต์ Flashbots ในการสร้างเชนดังกล่าว
ฟีเจอร์ของ Unichain ที่สามารถแก้ปัญหาการทำงานของ DeFi ดังนี้
ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมี Ethereum Layer 2 จำนวนมากอยู่แล้ว ทาง Founder ของ UniSwap กล่าวว่า Unichain นั้นจะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องของ Fragmented Liquidity เป็นหลัก เสริมให้ประสบการณ์การใช้งานของ User ดีขึ้น นอกจากนี้ ข้อดีอีกอย่างที่หลายคนรอคอยมานานคือการเพิ่ม Utility ให้กับเหรียญ UNI ที่สามารถนำไป Stake เพื่อรับส่วนแบ่ง Sequencer ได้
ปัจจุบัน Unichain อยู่ในช่วง Public Testnet โดยจะเปิด Mainnet ในเดือนพฤศจิกายน ถ้าใครสนใจสามารถไปทดลองใช้งานกันได้
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา มี Event ใหญ่ของโลกคริปโตที่หลายคนรู้จักกันดีนั่นก็คือ TOKEN2049 ที่ปีนี้จัดขึ้นที่สิงคโปร์ ซึ่ง Session หนึ่งที่คนสนใจในงานนี้และค่อนข้าง Viral ในโลกออนไลน์ก็คือ Presentation ของ Murad Mahmudov ในหัวข้อ “The Memecoin Supercycle” ซึ่งเขาได้ให้มุมมองที่น่าสนใจไว้ดังนี้
สรุปแล้วสิ่งที่ทำให้ Memecoin มีโอกาสสูงที่จะเป็นหนึ่งใน Sector หลักใน Bull Run นี้คือ Memecoin เข้าใจง่ายกว่า Altcoin อื่นๆ ที่มีเทคโนโลยีซับซ้อน, มีสภาพคล่องมากกว่า NFT, ปลอดภัยกว่า DeFi (ในแง่ Smart Contract), ไม่มีการเฟ้อของเหรียญ ไม่มี VC มาเทเหรียญใส่เพราะปลดหมดแล้ว, มีความผันผวนมากกว่าซึ่งหลายคนชอบ และมี Community ที่แข็งแกร่งในโลกคริปโต ทำให้ใน Bull Run นี้มีโอกาสที่เงินจะไหลเข้า Memecoin มากกว่าเหรียญอื่นๆ เนื่องจากเหรียญอื่นๆ โดยเฉพาะโปรเจกต์ใหม่ๆ เปิดมาที่ Valuation สูงเกินไป โอกาสเติบโตน้อยและเสี่ยงโดนเทขายจาก VC ค่อนข้างมาก ซึ่งหลังจาก Session นี้ของ Murad ก็ทำให้เงินไหลเข้า Memecoin ที่ Murad พูดถึงจนราคาพุ่งไปหลายเท่าในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน Altcoin หรือ Memecoin ต่างก็มีความเสี่ยงทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การลงทุนและความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละคน
ผลตอบแทนที่ได้จากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสหรัฐ (Treasury Bills) แบบระยะสั้น 3 เดือน ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีสภาพคล่องและผลตอบแทนสูง ผลตอบแทนลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านๆมา มีสาเหตุมาจากภาพรวมที่นักลงทุนเริ่มกังวลในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั้งตลาดหุ้นและคริปโตฯ ตอนนี้อยู่เฉลี่ยปีละ 4.53% ส่วนผลตอบแทนจากการฟาร์มหรือปล่อยกู้ Stablecoin บนแพลตฟอร์มต่างๆให้ผลตอบแทนอยู่ในระดับทรงตัวเทียบกับเดือนที่แล้วที่ระดับประมาณ 6-7%
ซึ่งผลตอบแทนฟาร์มและปล่อยกู้ Stablecoin ในเดือนตุลาคมที่ทรงตัว โดยจะเห็นว่าการฟาร์ม Stablecoin ยังสามารถให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอถึงแม้สภาพตลาดคริปโตฯจะค่อนข้างผันผวนสูงในช่วงนี้ที่ถูกกดันจากความไม่แน่นอนหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ สงคราม และการเลือกตั้งสหรัฐฯ
การมาของกระแส Memecoins
ก่อนหน้านี้ในงาน Token 2049 ที่ประเทศสิงคโปร์ Murad ได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับแนวคิดของ Memecoin Supercycle ซึ่งเกี่ยวกับการสวนทางกับ VC Coin ที่มีการปลด Lock ค่อนข้างเยอะและ Perform ไม่ดีมากในช่วงที่ผ่านมาในตลาด ทำให้เริ่มเกิดกระแสความสนใจในเหรียญ Meme และคนก็เริ่มติดตาม Murad
ซึ่งนอกจาก Memecoin แล้ว Murad ก็มีการพูดถึง Culture ของ Memecoin และ Meme NFT บ่อยๆ ทำให้เป็นการเริ่มและปลุกกระแส NFT ที่เกี่ยวข้องกับ Memecoin เช่นกัน ทำให้ Meme NFT กำลังเป็นกระแสที่แรงในขณะนี้